วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


ความจริงของอาชีพแอร์โฮสเตส

10 ข้อเริ่ดๆของอาชีพแอร์โฮสเตส 
 

1. พวกเธอเงินเดือนเยอะ ขนาดน้องใหม่เพิ่งบินยังต้องร้อง "ว้าว!!"


2. ได้เดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ สิ่งนี้แหล่ะที่ทำให้สาวๆเกือบค่อนโลกอยากทำอาชีพนี้

3.อยากไปเที่ยวต่างประเทศก็แสนจะง่ายดายเพราะซื้อตั๋วเครื่องบินได้ในราคาพนักงานอันแสนจะถูกเช้าบินไปช๊อปปิ้งที่ฮ่องกง เย็นๆค่อยบินกลับ อะไรจะเริ่ดกว่านี้อ่ะเธอ

4.ได้สวมชุดยูนิฟอร์มอันแสนมีเกียจติ ดูปุ๊บก็รู้ป๊าบว่าทำงานอะไร

5. เป็นแอร์ฯไม่ต้องคิดมาก เครื่องแตะพื้นเมื่อไรเป็นอันสแตนบาย

6. มีโอกาสสูงที่ได้เป็นแฟนกับกัปตันหนุ่มรูปหล่อ เพราะได้ใกล้ชิดมากกว่าอาชีพอื่น

7. ได้สิทธิพิเศษไม่ต้องเข้าคิวตอกบัตร์ทำงานเหมือนใคร ถึงสนามบินเมื่อไรก็ทำงานได้ทันที

8. เป็นหน้าเป็นตาของประเทศ ถ้าบริการผู้โดยสารดีๆจะได้รับการชื่นชมเป็นอย่างสูง 

9. อาทิตย์หนึ่งบินแค่ 2-3 วัน อีก 4 วันก็พักเริ่ดๆแล้ว แถมยังมีเวลาไปเสริมสวย ไดร์กอร์ฟ สปา ทำเล็บ ฯลฯ

10. สวยได้ในแบบฉบับของแอร์ฯ เป็นหน้าตาของสายการบิน อยากสวยได้ในทุกโอกาสไม่มีใครว่า 


10 ข้อเรื่องจริงของอาชีพแอร์โฮสเตส

 
1.กว่า 70% ของผู้ที่สอบเป็นแอร์ฯ ต้องตบรอบเป็นจำนวนมากเพราะทางสายการบินเขาคัดเลือกผู้ที่เหมาะกับความเป็นแอร์ฯจริงๆ(คุณสมบัติต้องครบถ้วนว่างั้น)


2. ความจริงเงินเดือนก็ไม่ได้เยอะมากนักหรอก ถ้าเดือนไหนบินน้อย เงินเดือนก็จะน้อยตามไปด้วย

3.ที่บอกว่าได้เดินทางไปเที่ยวต่างประเทศน่ะบางทีก็ได้อยู่แค่โรงแรมใกล้ๆและสนามบิน
โอกาสน้อยมากที่จะได้ไปเดินโฉมฉายข้างนอกอ่ะแอร์ฯใหม่ๆบางคนหวังอยากจะบินนอกแต่กลับให้บินแค่เฉพาะในประเทศเพื่อสะสมประสบการณ์ บินวนไปวนมาเมื่อคราวบินนอกจริงๆ คุณก็เบื่อไปซะแล้ว

4. สิ่งของล่อตาล่อใจสูงมาก เจอกระเป๋าใบละหมื่น อดไม่ได้ โอกาสที่จะมีเงินเก็บเหมือนคนอื่นๆแทบเท่ากับ 0


5. ต้องทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่ล้างห้องน้ำ ล้างถ้วยล้างชาม ขายของปลอดภาษี (ด้วยรถเข็นอันแสนหนักT_T)


6. ต้องปวดหัวกับผู้โดยสารจอมจู้จี้ คนนี้จะเอานั้น คนโน้นจะเอานี้ วุ่นวายไปหมด เผลอๆบริการช้าอาจเจอเทศน์ไปโดยปริยาย


7.ถ้าผู้โดยสารพักผ่อน หรือหลับตลอดเส้นทาง นั้นก็ยังเป็นเวลาทำงานของแอร์ฯถ้าอยู่เฉยๆโดยไม่ทำอะไร กัปตันจะหันมามองด้วยสายตาที่ว่า"ทำงานหรือเปล่าจ๊ะน้อง" 

8. วันไหนที่ได้หยุดพัก ไม่ได้แสดงว่าหยุดทำงาน ถ้าได้รับโทรศัพท์จากสายการบินเมื่อไร เตรียมตัวทำงานเมื่อนั้น


9.ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเองตั้งแต่ซักเสื้อผ้าและอื่นๆสารพัดเมื่อไปพักต่างประเทศแอร์ฯบางคนอยู่ที่บ้านยังมีคนรับใช้ทำงานให้เยอะถมไป

10. อาชีพแอร์ฯต้องแข่งกับเวลา ทางสายการบินตรวจตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผม เล็บ ไม่ใช่อยากสวยยังไงก็ได้ตามใจฉัน




ที่มา:http://blog.eduzones.com/studyabroad/88211#.T-yfiLVo2gg

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555


              


              คุณสาวๆ มีอาชีพที่ใฝ่ฝันกันบ้างรึป่าวคะ ตอนเป็นเด็ก ไม่ว่าสาวๆ คนไหน ก็อยากที่จะเป็น แอร์โฮสเตสหรือพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน กันทั้งนั้น แหมๆ ก็ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกายที่ดูสวยงามสง่าผ่าเผย มีสวัสดิการดี มีรายได้ดี แถม ยังได้เดินทางท่องเที่ยวรอบโลก อีกต่างหาก ใครบ้างล่ะคะ ไม่อยากเป็น 
               สำหรับสาวๆ ที่มีความฝัน อยากจะเป็นสาวสวยบนเครื่องบิน ที่ใครๆ ก็ต่างเรียกพวกเธอว่า นางฟ้าบนเครื่องบิน  จะไม่ให้เรียกแบบนี้ได้ยังไงกันล่ะคะ ก็ทั้งสวยทั้งเก่งซะขนาดนั้น  เรามาดูกันสิคะว่ากว่าจะมาเป็น "นางฟ้า" อาชีพที่ผู้หญิงทุกคนใฝ่ฝันนั้นต้องทำอย่างไรบ้าง

หน้าที่ของ"แอร์โฮสเตส สจ๊วต"


ลักษณะทั่วไปของอาชีพ 


                 คำว่า ( AIR ) HOSTESS นั้น ความหมายตามพจนานุกรม คือ เจ้าของบ้านที่เป็นผู้หญิง ส่วน ( AIR ) STEWARD นั้น หมายถึง ผู้พิทักษ์ 

                 
แอร์โฮสเตส และสจ๊วต จึงหมายถึงผู้พิทักษ์ความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสารบนอากาศยาน โดยมีหน้าที่ต่างๆ เช่น คอยดูแลช่วยเหลือผู้โดยสารในกรณีฉุกเฉิน รับผิดชอบครวจเช็คอุปกรณ์ประจำเครื่องตามจุดต่างๆ เช่น ถังออกซิเจน เครื่องดับเพลิง ไฟฉาย หน้ากากออกซิเจน และเสื้อชูชีพ สำหรับสาธิตให้ผู้โดยสาร ฯลฯ ให้ครบถ้วนถูกต้องตามรายการ และอยู่ในสภาพใช้การได้ นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการให้บริการด้านต่างๆ แก่ผู้โดยสาร เช่น การเตรียมอาหาร การเสิร์ฟอาหารและเครื่องดื่ม การให้การรักษาพยาบาลแก่ผู้โดยสารที่เกิดเจ็บป่วย การจัดหาที่นั่งให้กับผู้โดยสาร ตรวจดูให้ผู้โดยสารรัดเข็มขัดก่อนเครื่องบินขึ้นหรือลง แจกหนังสือพิมพ์ นิตยสารให้ผู้โดยสารอ่าน และดูแลรักษาความสะอาดเรียบร้อยในห้องผู้โดยสารและห้องน้ำ รวมทั้งให้บริการด้านอื่นๆ ที่จะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร 

--> 
คุณสมบัติของผู้ประกอบอาชีพ 

               
แอร์โฮสเตส และ สจ๊วต เป็นอาชีพที่ให้บริการแก่ผู้โดยสาร ฉะนั้น ผู้ที่ประกอบอาชีพทางด้านนี้ ยังควรมีคุณสมบัติต่างๆ เช่น 

1. 
มีกิริยามารยาท สุภาพอ่อนโยน อบอุ่น และมีท่วงท่าที่นุ่มนวล 
2. 
มีบุคลิกภาพดี ยิ้มแย้มแจ่มใส มีความเป็นมิตรกับผู้อื่น และสามารถปรับตัวเข้ากับบุคคลอื่นและสังคมได้ง่าย 
3. 
มีความอดทนต่อความยากลำบากของงาน อดทนต่อปฏิกิริยาของผู้โดยสาร และมีความอดทนต่อเพื่อนร่วมงานต่างๆ 
4. 
แต่งตัวดี สะอาด และเรียบร้อย 
5. 
มีไหวพริบปฏิภาณในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี 
6. 
มีความสมบูรณ์ทั้งร่างกาย และจิตใจ 
7. 
มีใจรักงานทางด้านบริการ มีมนุษยสัมพันธ์ดี และมีความห่วงใยเอาใจใส่อย่างจริงใจที่จะมอบให้แก่ผู้โดยสาร 
8. 
มีความรู้ภาษาอังกฤษ และภาษาต่างประเทศอื่นๆดี 
9. 
สามารถว่ายน้ำได้ 
10. 
เป็นผู้ที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ 

คุณสมบัติตามมาตรฐานที่บริษัทกำหนดไว้เราต้องมีเบสิกก็คือ

1. เราต้องมีอายุระหว่าง 20-26 ปี จบการศึกษาอย่างน้อยปริญญาตรี
2. ส่วนสูง 160 เซนติเมตรขึ้นไป น้ำหนักก็ต้องสัมพันธ์กับส่วนสูงด้วย
3. สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และที่เราต้องเตรียมคือหัดว่ายน้ำ เพราะจะมีทดสอบให้ว่ายไปกลับ 50 เมตร
4. ภาษาอังกฤษต้องมีผลสอบโทอิคไม่ต่ำกว่า 600 คะแนน
5. การแต่งตัวในวันที่ไปสมัครควรแต่งให้สุภาพที่สุด ถ้าเป็นของสายการบินไทย ควรใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้น
สีขาว กระโปรงสีดำ รองเท้าสีดำหุ้มข้อสูง 2 นิ้วนะค๊ะ และก็อย่าใส่กระโปรงทรงยาว
6. เรื่องทรงผม ห้ามปล่อยผมเด็ดขาด ควรจะรวบผมหรือบางทีอาจจะไปเกล้าผมที่ร้านก็ได้ แต่ไม่ต้องเอาเวอร์มากนะคะ พอดูสุภาพ หรืออาจจะแสกกลางแล้วรวบคลุมเน็ตก็ได้จร้า

              ถ้ามีความสามารถภาษาอื่นด้วยบริษัทจะพิจารณาเป็นพิเศษ นอกจากนั้นต้องเตรียมเรื่องบุคลิกภาพด้วย ซึ่งเราต้องอาศัยถามรุ่นพี่ๆ ที่เป็นแอร์ฯได้ว่าต้องทำยังไงบ้าง รุ่นพี่ก็จะช่วยแนะนำว่าต้องแต่งตัวไปยังไง ให้เรียบร้อยดูดีแบบไหนเมื่อผ่านมาตรฐานตามที่บริษัทกำหนด ก็กรอกใบสมัครซึ่งเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ฉะนั้นจึงต้องเตรียมตัวด้านภาษามาให้ดี ขั้นต่อไปคือการสัมภาษณ์ โดยคณะกรรมการจำนวนหลายคนอาจจะทำให้เกิดความตื่นเต้นได้ ที่สำคัญควจะมีสมาธิและต้องเตรียมควมมพร้อมมาให้เยอะๆนะจ๊

--> การทำงาน 

             
การทำงานของแอร์โฮสเตสและสจ๊วตนั้น เป็นเวลาที่ไม่แน่นอนไม่เลือกกลางวันหรือกลางคืน ขึ้นอยู่กับเที่ยวบินหรือสายการบินที่จะเดินทาง ว่าจะออกกี่โมงและในการเดินทางแต่ละครั้งทั้งสจ๊วต และแอร์โฮสเตสจะต้องกำหนดเวลาในการเดินทางไปสนามบินเผื่อไว้ทุกครั้ง โดยจะต้องเดินทางไปถึงสนามบินก่อนเครื่องบินออกอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อเตรียมตัวและไม่ตกเครื่องบิน แอร์โฮสเตสและสจ๊วตจึงต้องเป็นผู้มีความรับผิดชอบอยู่สูง 

--> 
โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ 
            ผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีความรับผิดชอบ มีมนุษยสัมพันธ์ และมีความกระตือรือร้นในการทำงานอยู่เสมอ ย่อมมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งไปสู่ตำแหน่งงานที่สูงกว่าและดีกว่า ตั้งแต่เริ่มแรก คือ เมื่อสจ๊วตและแอร์โฮสเตสได้รับการฝึกอบรมครบ 8 สัปดาห์แล้ว ก็จะเริ่มปฏิบัติงานจริง โดยในช่วงเดือนแรกจะเป็นช่วงของการทดลองงาน (บินภายในเอเชีย) จะมีการประเมินผลการปฏิบัติงาน จากซุปเปอร์ไวเซอร์ หรือ หัวหน้างาน ซึ่งจะประเมินผลในทุกๆด้าน เช่น การให้การบริการ การตรงต่อเวลา การร่วมมือประสานงานกัน การแสดงออก ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ อารมณ์ และทัศนคติ เป็นต้น เมื่อพ้นช่วงทดลองงาน 6 เดือนแล้ว จึงจะได้บินไป ตะวันออกกลางและพอผ่านการทดลองงาน 1 ปี จึงจะได้บินข้ามทวีป แต่ก็ยังคงทำงานในชั้นประหยัด ( Economy Class ) เหมือนเดิม จนกระทั่ง 1 ปี 6 เดือน จึงจะมีสิทธิ์สมัครชั้นธุรกิจ ( Royal Executive Class )ได้ การคัดเลือกครั้งนี้จะพิจารณาจากประวัติการทำงาน พอพ้นจากชั้นธุรกิจจึงจะมีสิทธิ์สมัครทำงาน ในชั้นหนึ่ง ( Royal First Class ) ทุกครั้งที่เลื่อนชั้นการทำงานก็จะได้รับการอบรมเพิ่มเติมทั้งในด้านอาหาร เครื่องดื่ม การบริการ และการดูแลรักษาความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉินเสมอ 

               
นอกจากความก้าวหน้าในการเลื่อนตำแหน่งของชั้นบริการแล้ว แอร์โฮสเตสและสจ๊วต ยังมีโอกาสเลื่อนตำแหน่งอื่นๆอีก เช่น เลื่อนเป็นซุปเปอร์ไวเซอร์ เป็นครูฝึก เป็นต้น 

--> 
ความต้องการแรงงาน 

             
การประกอบอาชีพแอร์โฮสเตสและสจ๊วตนั้นเป็นอาชีพที่ต้องการความคล่องแคล่ว ว่องไว ผู้ประกอบอาชีพในตำแหน่งนี้ จึงมักเป็นผู้ที่อยู่ในวัยหนุ่มสาวเป็นส่วนใหญ่ แต่พอมีอายุมากขึ้นก็ต้องย้ายไปทำงานในส่วนอื่น ที่มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นต่อไป จึงทำให้การปลดเกษียณอายุของการเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสั้นกว่าการทำตำแหน่งอื่น ( ผู้ที่ปลดเกษียณการเป็นพนักงานต้อนรับ มักจะสามารถทำงานในภาคพื้นดินได้ ) ทำให้ความต้องการของอาชีพนี้ไม่มีที่สิ้นสุด ประกอบกับการขยายตัวของสายการบินต่างๆ ตลอดจนความเจริญก้าวหน้าทางธุรกิจ ที่เป็นต้นเหตุให้คนในประเทศต่างๆต้องมีการติดต่อกันเพื่อผลทางธุรกิจ จึงทำให้มีผู้คนที่ต้องเดินทางเป็นจำนวนมาก ทั้งผู้ที่มาติดต่อธุรกิจหรือผู้ที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยว พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจึงเป็นอาชีพที่ยังเป็นที่ต้องการอยู่ตราบเท่าที่มีการขยายตัวของสายการบินต่างๆทั่วโลก 


>>เส้นทางสู่...แอร์โฮสเตส<<




Q1 : คำนำหน้าเป็น นาง สมัครแอร์ฯ ได้ไหม
A : 
ส่วนใหญ่แล้วข้อกำหนดของผู้สมัครงานตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน จะมีการระบุไว้ว่า สถานภาพโสด ก่อนที่จะสมัครงานตำแหน่งนี้ ถ้าพิจารณาจากสถานภาพโดยนิตินัยแล้ว การที่ผู้สมัครสายการบินนั้นๆ มีการจดทะเบียนสมรสชัดเจน เพราะฉะนั้นคำนำหน้าชื่อ-นามสกุล ก็บ่งบอกแล้วว่า นาง คำตอบบอกได้ชัดเจนเลยว่า ไม่ได้ แต่ถ้าเป็น นาง แบบพฤตินัยก็น่าจะได้นะ ข้อกำหนดนี้มีขึ้นอาจจะเป็นเพราะการทำงานจะได้ราบรื่นปราศจากพันธะ แต่ถ้าทำงานไประยะหนึ่งแล้วไปแต่งงานทีหลังก็ไม่มีปัญหา

Q2 : 
ถ้าจะสมัครเป็นแอร์ฯ-สจ๊วดต้องได้คะแนน TOEIC อย่างต่ำเท่าไร
A : 
สำหรับข้อนี้ขึ้นอยู่กับตัวเราเองว่า ต้องการสมัครเข้าไปเป็นลูกเรือในสายการบินไหน สายการบินไทย สายการบินญี่ปุ่น สายหารบินเกาหลีหรือสายการบินตะวันออกกลาง ซึ่งแต่ละสายการบินจะมีมาตรฐานระดับคะแนนสอบ TOEIC ไม่เท่ากัน แต่ในปีนี้ผลคะแนนต่ำที่สุดที่ประกาศรับสมัครออกมา คือ 550 คะแนน ส่วนมากจะอยู่ที่ 650 คะแนน ดังนั้นใครที่ต้องการสมัครหลายสายการบินก็ควรเตรียมตัวสอบให้พร้อมเพื่อสามารถนำผลคะแนนไปใช้ได้ในหลายๆ สายการบิน

Q3 : 
ถ้าไม่มีผลสอบ TOEIC แต่มีผลสอบ TOEFL หรือ IELTS อยู่แล้ว ใช้แทนกันได้ไหม
A : 
บางสายการบินยินดีรับผลคะแนนสอบวัดระดับทางภาษาอังกฤษแบบสากลประเภทอื่นๆ เช่น TOEFL หรือ IELTS โดยทั้ง 2 การสอบอย่างหลังนี้เป็นการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษในเชิงวิชาการเพื่อไปศึกษาต่อขั้นสูงมากกว่าที่จะวัดผลไปเพื่อการทำงาน ความยากง่าย และจุดประสงค์ในการวัดผลค่อนข้างต่างกัน และที่สำคัญคือ ค่าใช้จ่ายในการสอบต่างกันมากๆ การสอบ TOEIC ผู้สอบต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสอบครั้งละ 1,000 บาท แต่ในการสอบ TOEFL ต้องจ่ายค่าสอบ 140 ฿ หรือ IELTS จะต้องจ่ายเงินค่าสอบประมาณ 5,700 บาทต่อครั้ง ใครอยากสอบแบบไหน จ่ายแบบไหน เลือกกันเอาเองเลย 

Q4 : 
สามารถสอบ TOEIC ได้ที่ไหนบ้าง
A : 
ศูนย์สอบ TOEIC จะเปิดสอบทุกวันจันทร์-เสาร์ สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์สอบกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ ตามที่อยู่ดังต่อไปนี้
ศูนย์ TOEIC ประเทศไทย สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ
ที่ตั้ง : เลขที่ 54 อาคาร Bangkok Business Building (BB Building) ห้อง Suite 1905-1908 ถนนอโศก (สุขุมวิท 21) เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์ : 0-2260-7061, 0-2260-7189, 0-2260-7535, 0-2259-8840, 0-2664-3131-2
โทรสาร : 0-2664-3122
E-mail : information@toeic.co.th
สำนักงานเขตภาคเหนือ
ที่ตั้ง : เลขที่ 4/6 อาคารนวรัฐ ชั้น 3 ถนนแก้วนวรัฐ ซอย 3 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50000
โทรศัพท์ : 0-5324-8208, 0-5330-6600
โทรสาร : 0-5324-8202
E-mail : toeicnorthern@toeic.co.th
Website : www.toeic.co.th

Q5 : 
รู้มาว่า แอร์ฯ-สจ๊วดทำงานเป็นสัญญาจ้าง ปรกติแล้วจะจ้างกันกี่ปี
A : 
การจ้างงานในตำแหน่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ปรกติแล้วจะมีสัญญาจ้าง 1 ปี 3 ปี 5 ปี หรือปีต่อปีแล้วแต่ข้อตกลงของสายการบิน เมื่อครบกำหนดแล้วจะมีการพิจารณาการทำงานเพื่อต่อสัญญาจ้างอีกเพราะฉะนั้นในขณะที่ต้องปฏิบัติหน้าที่บนเครื่องบิน พนักงานจะถูกประเมินโดยหัวหน้าระดับสูงด้วย เพื่อที่จะนำผลการประเมินนั้นมาพิจารณาการต่อสัญญาอีก ถ้ามีการลาออกก่อนกำหนดก็ต้องจ่ายค่าปรับเช่นกัน

Q6 : 
ถ้าว่ายน้ำไม่เป็นสมัครได้หรือเปล่า
A : 
สำหรับคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นสามารถสมัครเป็นลูกเรือได้ เพราะบางสายการบินไม่ได้ระบุว่าเขาต้องการคนที่ว่ายน้ำได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราก็ควรที่จะทำความคุ้นเคยกับการว่ายน้ำ หรือลงน้ำกันบ้าง เพราะเมื่อเราผ่านการคัดเลือกเข้าไปเป็นพนักงานต้อนรับแล้ว ช่วงที่ต้องฝึกอบรมด้านความปลอดภัย ทุกคนก็ต้องลงน้ำเพื่อช่วยเหลือตัวเองขึ้นบนแพยางให้ได้อยู่ดี เป็นอย่างนี้แล้วใครที่ว่ายน้ำไม่เป็น หรือเป็นโรคกลัวน้ำสุดๆ ขอแนะนำให้ไปทำความคุ้มเคยก่อนมาสมัครก็จะเป็นการดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะผ่านขั้นตอนคัดเลือกอื่นๆ มาแล้ว แต่ถ้าเทรนไม่ผ่านก็จบกัน

Q7 : 
สามารถทำสีผมได้ไหม
A : 
ทำสีผมในที่นี้ต้องถามก่อนว่าทำสีผมสีอะไร ส้ม แดง เขียว ทอง สีจัดจ้านทั้งหลายแหล่ก็ไม่ควร แต่ถ้าทำสีแบบสีธรรมชาติก็ได้แน่นอน อย่าลืมว่าเรื่องภาพลักษณ์ภายนอกเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการคัดเลือกเข้าทำงานในอาชีพนี้ด้วย ต้องดูดีตั้งแต่หัวจดเท้า ผมก็ต้องทำให้เป็นทรง ผู้หญิงผมยาวก็ควรรวบผมติดเน็ต ถ้าใครเป็นผู้หญิงผมสั้นมามาดมั่นใจก็ไม่มีปัญหา ขอให้เซตผมให้เรียบร้อย ไม่ทำสี ไม่ไฮไลต์เป็นอันว่าใช้ได้ ส่วนผู้ชายก็ผมสั้นเข้าว่า ไม่ใช่ว่าซอยผมทรงรากไทรก็ไม่เหมาะสม อย่างการบินไทยก็ไม่ควรเซตผมแบบ wet look ด้วย
ดังนั้นเรื่องผมจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญด้วย เพราะเรื่องผมก็นับเป็นเรื่องของการให้คะแนน look ภายนอก ถึงแม้ว่าในบางสายการบินจะอนุญาตให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินทำผมทรงไหนก็ได้ แต่เห็นได้ว่าไม่มีใครทำสีผมแบบประเภทสีสันจี๊ดจ๊าด ส่วนผมก็เซตกันเป็นทรงอย่างเรียบร้อย เพราะฉะนั้นตอนสมัครก็ควรดูดีทุกกะเบียดนิ้ว

Q8 : 
ควรเตรียมตัวเรื่องอะไรบ้าง
A : 
การเตรียมตัวเบื้องต้นที่ทุกคนควรจะเตรียมตัวอย่างแน่นอนเลยก็คือ เสื้อผ้า บุคลิกภาพ ภาษา ในเชิงวิชาการเรื่องของภาษาก็ต้องเตรียมสอบ TOEIC ที่ดีควรได้ 650 คะแนน การสอบข้อเขียน การสัมภาษณ์ต้องฝึกพูดให้ชัดเจนทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ส่วนเสื้อผ้าที่ใส่แล้วมั่นใจที่สุด และเลือกที่สุภาพ เครื่องแต่งกายของแต่ละสายการบินกำหนดให้แต่งกายแตกต่างกันไป สำหรับผู้ชายสายการบินบางแห่งให้ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นกับผูกเนกไท แต่ถ้าไม่รู้ว่าจะแต่งยังไงดี ให้ยึดตามแบบสากลนิยมเข้าไว้ คือ ใส่สูทสีเข้าชุด หรือใส่เสื้อเชิ้ต ผูกเนกไทบวกกับรองเท้าหนังสีดำก็เรียบร้อยแล้ว
สำหรับผู้หญิงก็รองเท้าส้นสูง 2 นิ้วขึ้นไปเป็นดี มีเสื้อสูทแขนสั้นสวมทับเสื่อเชิ้ตด้านในหรืออาจจะเป็นเสื้อไหมพรหมบางๆ คอเต่า สีเข้ากันกับสูท กระโปรงประมาณเข่า จะผูกผ้าพันคอก็ได้ให้ดูตามความเหมาะสมของสายการบิน (เช่น สมัครเข้า JAL ผูกผ้าพันคอก็โอ.เค.น่ะ)
ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ การเตรียมความพร้อมเรื่องบุคลิกภาพ ต้องฝึกยืนให้ดูดีมีสง่า มั่นใจ ถ้านั่งสัมภาษณ์แล้วนั่งได้หลังตรงจะดีมาก

Q9 : 
มีแผลเป็นที่แขนสมัครแอร์ฯ ได้ไหม
A : 
ไม่ได้มีการห้ามไว้นี่ว่ามีแผลเป็นที่แขนแล้วห้ามสมัคร แต่ถ้าเป็นแผลเป็นที่ปูดโปนชัดเจนนอกร่มผ้าก็คงจะไม่ผ่าน เพราะตรงส่วนแขนเป็นจุดที่มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด แต่ถ้ามีแผลเป็นเล็กน้อยแล้วรองพื้นเอาอยู่ก็น่าจะใช้ได้ ควรจะดูดีทั้งหมด เนื่องจากผู้โดยสารเองก็คงคาดหวังที่จะเห็นพนักงานต้อนรับที่ดูดีทั้งภายนอกและภายใน

Q10 : 
ที่เขาบอกว่ามีการทำ Group Discussion เราควรจะเตรียมตัวยังไงดี
A : 
ขั้นตอนในการคัดเลือกจะประกอบไปด้วยการสอบข้อเขียน การทดสอบความถนัด Aptitude Test หรือสอบจิตวิทยทางบุคลิกภาพ การสัมภาษณเดี่ยว และการสัมภาษณ์กลุ่ม ซึ่งการสัมภาษณ์กลุ่มก็มีในรูปแบบการอภิปรายในหัวข้อที่กรรมการเตรียมไว้ อาจจะเป็นเรื่องทั่วไปหรือเรื่องสถานการณ์ที่ตั้งไว้ให้ผู้ร่วมกลุ่มช่วยกันแก้ปัญหา
การเตรียมตัวก็ลองสมมุติสถานการณ์ดูหรือลองตั้งหัวข้อ พยายามคิดว่าจะตอบอย่างไร ฝึกการแสดงความคิดเห็น พยายามฝึกการวิเคราะห์และวิจารณ์ เพราะระหว่างการอภิปรายกลุ่ม จะมีคณะกรรมการคอยดูและให้คะแนนด้วย ควรแสดงออกอย่างพอดี ถ้าน้อยเกินไปหรือเด่นซะจนโอเวอร์ไม่ปล่อยให้คนอื่นพูดบ้างก็มีสิทธิ์ถูกตัดคะแนนได้เหมือนกัน

Q11 : 
ได้ยินมาว่ามีการ Walk-in คืออะไร และต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
A : 
ความจริงแล้ววิธีการสมัครมี 3 แบบ ด้วยกัน คือ การสมัคร Online, Walk-in และสมัครทางไปรษณีย์
-
การสมัคร Online ถือว่าสะดวกที่สุดและสายการบินส่วนใหญ่ก็เปิดรับสมัครผ่านการออนไลน์แล้ว เพียงแค่กรอกข้อมูลตามขั้นตอนที่กำหนดแล้วแนบไฟล์รูปหรือเอกสารที่แจ้งไว้ ควรจะใช้ e-mail address ที่สามารถใช้ได้อย่างน้อยใช้ต่อได้อีก 1 ปี เพื่อการติดต่อกลับ เพราะสายการบินจะส่ง e-mail หรือจดหมายตอบกลับมา อย่าลืมว่าเมื่อกรอกแล้วต้อง print เอกสารใบสมัครออกมาด้วยและควรจำหมายเลขผู้สมัครของตัวเองให้ได้
-Walk-in 
ต้องเตรียมเอกสารทุกสิ่งอย่างให้ครบตามที่สายการบินนั้นกำหนด แล้วนำไปตามสถานที่ วัน และเวลาที่ประกาศไว้ พร้อมกับการแต่งกายให้เต็มที่ เรียบร้อยแบบสากลนิยม ส่วนใหญ่แล้ววันที่เปิดให้ Walk-in จะจัดขึ้นตามโรงแรมใหญ่ในกรุงเทพฯ
-
สมัครทางไปรษณีย์ ส่งเอกสารที่กำหนดไปตามที่อยู่ ที่สายการบินประกาศไว้ หรือบางสายการบินจะมีบริษัทตัวแทนเป็นผู้ดำเนินการรับสมัคร เอกสารที่ใช้อย่างน้อยก็ต้องเตรียมผลสอบ TOEIC สำเนาทะเบียนบ้าน Transcript สำเนาปริญญาบัตร สำเนาบัตรประชาชน เป็นต้น แล้วจะได้รับการตอบกลับทางโทรศัพท์หรือจดหมายจากสายการบิน

Q12 : 
ถ้าเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะได้รับสวัสดิการอะไรบ้าง
A : 
นอกเหนือจากเงินเดือนที่ได้รับเป็นประจำแล้ว ลูกเรือจะได้รับค่าชั่วโมงบิน ค่าเบี้ยเลี้ยงระหว่างบิน ที่พักเมื่อต้องเดินทางไปทำงานต่างแดน ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทางและโบนัส นี่ยังไม่รวมถึงค่าซักรีดยูนิฟอร์มที่มีให้นะ นอกจากนี้ยังได้ตั๋วเครื่องบินฟรี (ตามกำหนด) และสิทธิพิเศษต่างๆ กับสายการบิน พร้อมกันนี้สิทธิพิเศษตั๋วเครื่องบินที่ครอบคลุมไปถึงครอบครัวด้วย ซึ่งครอบครัวในที่นี้ หมายถึง พ่อ-แม่ สามีหรือภรรยาและลูก

Q13 : 
มีสายการบินไหนเปิดรับสมัครลูกเรือชาวไทยบ้าง
A : 
ข้อมูลล่าสุดในปี 2007 ที่มีประกาศ รับลูกเรือชาวไทย ก็มีอยู่สายการบินด้วยกัน เริ่มต้อนจากสายการบินภายในประเทศก่อนกันแล้ว หรับสายการบินในประเทศไทยที่รับสมัครลูกเรือไทย ได้แก่ สายการบินไทยนกแอร์ ไทยแอร์เอเชีย พีบีแอร์ บางกอกแอร์เวย์ โอเรียนไทยและสัน-ทู-โก
ส่วนสายการบินต่างประเทศที่เปิดรับได้แก่ Gulf Air, Emirates Airline, Etihad Finnair, Kenya Airways, Kuwait airways, Lufthansa, Qantas Qatar, Royal Brunei Airlines, Royal joranian, United Airne, Asiana Airlines, China Airines} Eva AIR, JALways, Jet Airway, Jetstar Internatiomal Airlines, Korean Air, Pakistan Internation Airliones, Sky Star Airways

Q14 : 
สายการบินต้นทุนต่ำบางแห่งไม่มีบริการเสิร์ฟน้ำและอาหารบนเครื่องแอร์โฮสเตสจะมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง
A : 
สำหรับพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่ทำงานกับสายการบินต้นทุนต่ำนั้น มีหน้าที่ต้อนรับผู้โดยสาร ตั้งแต่ก้าวขึ้นบนเครื่องจนกระทั่งเดินลงเครื่องพร้อมทั้งให้ความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร และดูแลผู้โดยสาร บนเครื่องให้เดินทางด้วยความปลอดภัย ในบางสายการบินมีการบริการขายอาหารและเครื่องดื่มแก่ผู้โดยสารด้วย

Q15 : 
อายุไม่ครบ 20 ปี แต่เรียนจบปริญญาตรีแล้วสมัครได้หรือเปล่า
A : 
ไม่ได้เลย ถึงแม้ว่าเรียนจบปริญญาตรีตามที่เขากำหนดแล้วแต่อายุไม่ถึงก็ต้องรอจนกว่าอายุจะถึงตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ เนื่องจากสายการบินส่วนใหญ่รับสมัครคนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป เพราะแสดงถึงการบรรลุนิติภาวะและการมีความสามารถรับผิดชอบในระดับหนึ่ง การพิจารณารับสมัครนั้น คุณสมบัติเบื้องต้นของการสมัครต้องพิจารณาประกอบกัน ถ้าขาดอันใดอันหนึ่งก็ถูกตัดสิทธิ์

Q16 : 
ไม่เคยเรียนทางด้านธุรกิจการบิน หรือเรียนคอร์สเตรียมความพร้อมเพื่อเป็นลูกเรือมาก่อน จะมีโอกาสได้ทำงานไหม
A : 
ต้องได้สิ เพราะไม่ได้มีการบังคับว่าจะต้องผ่านการเรียนคอร์สในสถาบันก่อนถึงจะมีโอกาสสมัครและได้งาน แต่การเข้าเรียนในสถาบันต่างๆ นั้นถือว่าเป็นเรื่องของการเตรียมความพร้อมและช่วยเสริมความมั่นใจก่อนการสมัครจริง คนที่เรียนมาอาจจะได้เปรียบกว่าตรงที่รู้ว่าต้องแต่งตัวอย่างไร ควรตอบสัมภาษณ์อย่างไร เขาอาจจะชินกับการผ่านการจำลองสถานการณ์มากกว่า แต่โอกาสที่จะได้งานทำนั้น ผลตัดสินอยู่ที่ความสามารถ ความมั่นใจ และบุคลิกภาพที่เราจะสามารถนำเสนอต่อกรรมการต่างหาก
แต่เรื่องการเรียนในสถาบัน มีบางคนผ่านการคัดเลือกแล้วก็มีมาเรียนเพิ่มเติมความรู้ด้วยถึงแม้ว่าจะต้องฝึกอย่างเข้มข้นอยู่แล้ว เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย เพราะอาชีพนี้ทริปยุโรปสุดหรู หรือการลงจอดฉุกเฉินเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

Q17 : 
หน้าตาไม่สวย ไม่หล่อสมัครลูกเรือได้หรือเปล่า
A : 
การเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ความสวยหรือความหล่อก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เรามีความโดดเด่นหากเดินเข้าไปสมัคร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความสวยความหล่อแต่เพียงอย่างเดียวที่จะทำให้เราได้รับคัดเลือก แต่ยังต้องประกอบไปด้วยส่วนอื่นๆ ด้วย เช่น บุคลิกภาพที่สง่างาม มีจิตใจที่ชอบงานบริการ หรือเป็นคนสุภาพอ่อนโยน ร่าเริงแจ่มใส มีไหวพริบปฏิภาณที่ดี สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเป็นตัวช่วยให้เราสามารถฝ่าฟันด่านการทดสอบต่างๆ ไปได้มากกว่า

Q18 : 
ทำงานอาชีพนี้ ทางสายการบินมีการกำหนดวันหยุดอย่างไร
A : 
ในขณะที่คนอื่นได้หยุดในช่วง Long Weekend แต่คนที่ทำงานในอาชีพนี้ไม่ได้หยุดพักต้องทำงานหนักกว่าคนอื่น เพราะเป็นช่วงทำรายได้ให้กับสายการบิน เที่ยวบินก็อาจจะเพิ่มขึ้น การทำงานสายการบินนี้ไม่มีวันหยุดแน่นอน ถ้าอยากทำงานตรงนี้ต้องเข้าใจอย่างหนึ่งว่า วันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์เราก็ต้องทำงาน ซึ่งขึ้นอยู่กับตารางการบิน
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินจะต้องบินทุกวันทั้งเดือน เพราะมีการกำหนดชั่วโมงบินไว้ด้วย แถมวันหยุดไม่ได้บินก็มีเวลาพักเดินเล่นต่างประเทศอีกต่างหาก

Q19 : 
มีความสามารถมากกว่า 3 ภาษา มีโอกาสได้เป็นลูกเรือมากกว่าคนอื่นหรือเปล่า
A : 
ในบางสายการบินมีการแจ้งในการประกาศรับสมัครว่า หากรู้ภาษาที่ 3 จะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษนั่นก็หมายความว่ามีโอกาสมากกว่าแน่นอน และเรื่องของการรู้ภาษาที่ 3 จะมีโอกาสพิเศษกว่าก็ต่อเมื่อกรณีที่ผู้สมัครมีคุณสมบัติเท่ากันทุกประการ แต่อีกคนหนึ่งมีคุณสมบัติที่โดดเด่นกว่าในเรื่องของภาษาที่ 3 กรณีนั้นอาจจะถือว่าเป็นโอกาสที่ได้มากกว่า
ส่วนคนที่เข้าไปทำงานเป็นแอร์ฯ-สจ๊วดแล้ว จะมีการติดธงภาษา ซึ่งจะบ่งบอกว่าคนๆ นั้นรู้ภาษาแล้วสามารถสื่อสารภาษาอะไรได้บ้าง ถ้าผ่านการทดสอบภาษาที่รู้เพิ่มเติมก็จะได้ค่าตอบแทนเพิ่มขึ้นด้วย (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสายการบิน)

Q20 : 
จะสมัครเป็นลูกเรือสายการบินที่ไหนดีระหว่างสายการบินของเอเชียกับสายการบินต่างชาติ
A : 
แล้วแต่ความต้องการ แต่เราควรจะดูว่าเราเหมาะสมกับสายการบินไหน สายการบินเอเชียกับสายการบินต่างชาติมีสไตล์แตกต่างกัน คุณสมบัติและลักษณะการรับลูกเรือที่เขาต้องการถึงแม้ว่าจะไม่ได้แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรว่าต้องการคนที่มีลักษณะ (เฉพาะ) แบบใด แต่สไตล์คนที่รับต่างกัน เช่น สายการบินเอเชียอาจจะชอบคนที่อ่อนโยน นอบน้อม ในขณะที่สายการบินอื่นๆ ชอบคนที่มีความมั่นใจสูง
ส่วนข้อแนะนำอีกข้อหนึ่งคือ บางสายการบิน มีฐานบินอยู่ที่ต่างประเทศ เพราะฉะนั้นลูกเรือต้องหอบกระเป๋าไปอยู่ที่นั่นด้วย เช่น สายการบินเอมิเรตส์ที่ลูกเรือจะต้องอยู่ประจำที่ดูไบ หรือ Dubai base แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องความสะดวกสบาย เพราะเขาจัดที่พักลูกเรือไว้อย่างดีและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีไว้ให้อย่างเพียบพร้อมแล้ว แค่ต้องคิดดูว่าตัวเราสามารถอยู่ห่างบ้านได้ไหม เท่านั้นล่ะ 



แอร์โฮสเตส นางฟ้าบนเครื่องบินกับชุดสวยหลากหลายสายการบิน





            มาดูกันสิคะว่าสาวแอร์โฮสเตสจากสายการบินไหนบ้างที่ติดอันดับพนักงานต้อนรับบนเครื่องที่ฮอตที่สุดกันบ้าง

 1.เวอร์จิน  แอตแลนติค

        

2.เอเวียโนวา

3.คาเธย์ แปซิฟิค

4.สิงคโปร์ แอร์ไลน์

5.ลุกฟฮันซา

6.แอร์ฟรานซ์

7.การบินไทย

8.เอมิเรสซ์
9. อทิฮัต


10. แม็กซิกาน่า






      

       
                                                ที่มา:http://campus.sanook.com/teen_zone/senior_03445.php
                                                                http://blog.eduzones.com/fankteer/77842
http://women.mthai.com/scoop/85950.html